ราเดียส หรือในชื่อภาษาไทยว่า รัศมีมรณะ เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ฟื้นตัวจากอุบัติเหตุรถยนต์แต่กลับไม่สามารถจำเรื่องราวที่ผ่านมาหรือแม้กระทั่งชื่อตัวเองได้ เขาพบว่าผู้คนหรือสัตว์จะตายเมื่อเข้าใกล้เขาในช่วงรัศมีหนึ่ง โดยมีอาการที่เหมือนกันคือ อยู่ดี ๆ ก็ล้มสิ้นใจไปเลย หรือนกที่บินอยู่ก็จะร่วงหล่นมาตายบนพื้นทันที และทุกศพจะมีลักษณะที่เหมือนกันอีกอย่างคือตาขาวขุ่น เขาจึงพยายามอยู่อย่างสันโดษห่างไกลผู้คนเพราะไม่อยากให้มีคนเสียชีวิตเพราะเขาอีก แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งโผล่มาที่บ้านของเขา และนั่นเองทำให้เขาค้นพบว่า จะไม่มีการคร่าชีวิตผู้คนรอบ ๆ ตัวเขา ตราบใดที่เขาและเธออยู่ใกล้กันในรัศมีหนึ่งนั้น ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถจำเรื่องราวในอดีตได้เช่นกัน ทั้งคู่จึงออกตามหาตัวตนของตัวเอง ซึ่งเรื่องราวได้นำไปสู่การเชื่อมโยงอันแสนประหลาดระหว่างทั้งสอง และความจริงอันแสนปวดร้าวที่รอคอยให้พวกเขาได้เผชิญ
เรารู้สึกว่า หนังเปิดเรื่องมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยเนื้อหาและแนวคิดของหนังมีความน่าสนใจของมันเองอยู่แล้ว นั่นคือ ปกติเราจะเห็นหนังแนวหายนะของมนุษยชาติจากการคุกคามสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ทำให้ตัวเอกต้องพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เรื่องนี้ต่างกันออกไปที่ตัวเอกเองดันเป็นเหมือนภัยคุกคามต่อเพื่อนบ้านเขาเอง ทำให้เขาต้องพยายามต่อสู้เพื่อที่จะไม่ให้มีคนตายมากไปกว่านี้ ซึ่งหนังเองก็พยายามจะดำเนินเรื่องไปแบบนั้นประมาณครึ่งเรื่อง พอเข้าสู่เนื้อเรื่องครึ่งหลังที่มีการคลายปมและความจริงได้เปิดเผยกลับกลายเป็นหนังเล่นประเด็นอื่นไป ซึ่งในความคิดเรา ถ้าจะเล่นประเด็นดังกล่าวก็ไม่เห็นว่าจะต้องเอาแนวคิดวิทยาศาสตร์แฟนตาซีเหมือนอย่างตอนต้นเรื่องมาใช้ก็ได้ มันดูเป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไปที่จะนำมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ปมเกิดขึ้นจากแนวทางทางวิทยาศาสตร์ทำให้ผู้คนตายมากมาย แต่อะไรคือต้นเหตุจริง ๆ ของเหตุการณ์นั้น ตรงนี้ที่ยังขาดบทสรุปในเชิงวิทยาศาสตร์อยู่ จึงทำให้รู้สึกว่าจุดนี้เป็ดจุดที่น่าผิดหวังและน่าเสียดาย ส่วนประเด็นที่หนังนำมาใช้เพื่อดำเนินไปสู่บทสรุปของเรื่องก็ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไร สำหรับเราก็ยังถือว่าเป็นบทสรุปแบบหักมุมที่ค่อนข้างโอเค
อย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ว่าหนังเปิดเรื่องมาได้ดี ทั้งมุมกล้อง เสียง หรือการตัดต่อภาพ ถือเป็นหนังทริลเลอร์ที่น่าติดตามและลุ้นระทึก แต่พอเรื่องดำเนินมาสักพัก กลับรู้สึกว่าภาพโดยรวมทำให้หนังน่าติดตามน้อยลง อาจจะเป็นเพราะว่า การเล่าเรื่องยังขาดสิ่งที่น่าสนใจ และทักษะการแสดงของนักแสดงนำที่ไม่สามารถทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับเขาได้ จุดนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่รู้สึกเสียดาย ในส่วนพาร์ทที่สองที่เป็นบนสรุปของเรื่องรู้สึกว่าทำได้ค่อนข้างดี ปมมีความน่าสนใจ แต่รู้สึกว่าสรุปได้สั้นไปหน่อยเพราะไปเสียเวลากับแนวคิดวิทยาศาสตร์แฟนตาซีในช่วงแรกเลยไม่ได้ปูเนื้อหาของปมนี้ดีเท่าที่ควร