Peter Rabbit จากวรรณกรรมเยาวชนสู่ภาพยนตร์อนิเมชั่นสุดน่ารักรับซัมเมอร์

การดัดแปลงวรรณกรรมเยาวชนสุดคลาสสิก ให้ขึ้นมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์นั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีของคนชอบดูหนังที่รักการอ่าน เพราะภาพยนตร์จะช่วยเติมจิ๊กซอว์ลงบนภาพในจินตนาการ ที่เราสร้างขณะอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดี ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ได้ภาพ CG ที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแฟนตาซีแค่ไหน โลกภาพยนตร์ก็สามารถเนรมิตภาพเหล่านั้นขึ้นมาบนจอเงินได้ หากพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิกล่าสุดที่มีการนำมาทำเป็นหนังอนิเมชั่น และกำลังจะเข้าฉายในช่วงต้นเดือนเมษายน 2561 นี้ คงจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจาก Peter Rabbit เจ้ากระต่ายขนฟูสุดกวน ที่สร้างจากหนังสือภาพสำหรับเด็ก ที่ทั้งเรื่องและภาพสร้างสรรค์โดย โดยเบียทริกซ์ พอตเตอร์ นักเขียนหญิงชื่อดังในปลายศตวรรษที่ 19 โดยในวงการวรรณกรรมอังกฤษได้ยกย่องให้หนังสือภาพ The Tale of Peter Rabbit เป็นผลงานอมตะ

กระต่ายน้อยปีเตอร์

ในเวอร์ชันหนังสือนั้น เจ้ากระต่ายน้อยปีเตอร์ ผู้ใส่เสื้อนอกสีฟ้า และพี่น้องกระต่าย Mrs. Rabbit ถูกห้ามไม่ให้ไปวิ่งเล่นใกล้ฟาร์มของนายแม็คเกรเกอร์เด็ดขาด เพราะพ่อของกระต่ายน้อยทั้งหลายเคยเข้าไปในฟาร์ม แล้วถูกนายแม็คเกรเกอร์จับไปทำไส้ขนมพาย แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็น เนื้อเรื่องในหนังสือจึงเป็นการผจญภัยของกระต่ายน้อยปีเตอร์ในฟาร์มของนายแม็คเกรเกอร์ ที่พยายามไล่จับเจ้ากระต่ายขนฟูสุดชีวิต ความโดดเด่นของวรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้ ก็คงไม่พ้นเรื่องราวของความเป็นเด็ก ความอบอุ่น และมิตรภาพที่ตราตรึงใจ รวมถึงภาพประกอบอันสวยงามละมุนละไม เต็มไปด้วยความสดชื่น และมีอารมณ์ขัน เนื้อเรื่องของ The Tale of Peter Rabbit ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความเป็นเด็กออกมาได้ดีเท่านั้น แต่ยังแฝงข้อคิดผ่านวิธีการเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ไม่มีท่าทีสั่งสอนหรืออบรม แต่ชักชวนให้เด็ก ๆ เกิดความคิด และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

ปีเตอร์แสนซนบนจอภาพยนตร์

เมื่อเจ้ากระต่ายน้อยแสนซนอย่างปีเตอร์กระโดดขึ้นมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์นั้น การสร้างสรรค์ภาพด้วยการผสมผสานเทคนิค CG นั้นทำออกมาได้ละเอียด และสมจริง เจ้ากระต่ายจึงเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ต่างสายพันธุ์ ทั้งตัวหมู เป็ด เม่น และแบดเจอร์ ฯลฯ ที่มีการสวมใส่เสื้อผ้า พูดได้ และมีนิสัยเหมือนมนุษย์ ตัวหนังมีการเล่าเรื่องคล้ายนิทาน มีการแทรกภาพวาดลายเส้นเข้ามาเป็นระยะ พร้อมกับบทเพลงประกอบภาพยนตร์อันสดใส ที่จะทำให้ใครก็ตามอยากจะพาครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ ไปดูหนังเรื่องนี้  ซึ่งจะมีการเปิดรอบพิเศษในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 4 เมษายน ก่อนที่จะฉายจริงในวันที่ 5 เมษายน ที่จะถึงนี้

นอกจากความสนุกสนาน สดใสแบบเด็ก ๆ ที่จะได้รับแล้ว เชื่อว่าหนังเรื่องนี้ต้องมีข้อคิดดี ๆ ที่บรรดาเด็ก ๆ ได้ดูแล้วน่าจะเกิดการเรียนรู้ได้ ไม่ต่างจากเวอร์ชันหนังสือภาพสุดคลาสสิกเลยทีเดียว