หลากหลายอารมณ์ไปกับแนวภาพยนตร์โดนๆ

มาเริ่มจากแนวสบายๆกันก่อนที่จะเข้าสู่จุดความเครียดกันก่อนเลย นั่นก็คือ ภาพยนตร์แนวตลก (Comedy) เป็นแนวที่สร้างความสุขและสีสันให้กับคนดูได้ยิ้มและหัวเราะกันอยู่เกือบตลอดทั้งเรื่อง จะเน้นความสนุกสนานเฮฮาสร้างอารมณ์ขันให้กับคนดูและบางเรื่องก็จะมีแง่คิดสอดแทรกหรือสอนมาด้วย แล้วยังสามารถดึงไปเข้าเป็นฉากดราม่าเรียกน้ำตาภายในเนื้อเรื่องได้อีกด้วย ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น (Animation) เป็นภาพยนตร์การ์ตูนหลากหลายลายเส้นจากหลากหลายค่ายแล้วยังแยกประเภทของแอนนิเมชั่นออกเป็นหลายแนวอีกด้วย อย่างค่ายของญี่ปุ่นที่สร้างความปะทับใจมาแล้วทั้งในและต่างประเทศคือค่ายของจิบิ (Ghibi) ด้วยลายเส้นที่มีเอกลักษณ์และเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจ จึงทำให้ผู้ชมทั่วโลกต่างชื่นชมซึ่งไม่ต่างจากค่ายของ พิกเซล (Pixar) หรือที่เด็กๆทั่วโลกทุกคนรู้จักนั่นคือ วอลดิสนีย์ (Walt Disney) ภาพยนตร์ครอบครัว (family) เน้นการดูเพื่อสร้างความสัมพันธ์และแง่คิดสอนคนในครอบครัว เนื้อเรื่องภายในมักจะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ซึ่งตัวละครอาจไปผจญเรื่องร้ายๆในชีวิตหรือสังคมภายนอกมา แต่หนังจะแสดงให้เห็นถึงพลังครอบครัวที่จะช่วยให้ตัวละครนั้นๆผ่านพ้นอุปสรรค์ต่างๆไปได้และกลายเป็นคนดีของสังคมและเป็แบบอย่างที่ดีต่อไป
มาต่อกันที่ความมันกันบ้างซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นภาพยนตร์แอคชั่น (Action) เน้นการต่อสู้ แย่งชิง(อำนาจ)และรวมถึงปกป้องพิทักษ์โลกหรือที่เด็กๆและผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนชื่นชอบนั่นก็คือเหล่าพวกซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายนั่นเอง ภาพยนตร์แนวนี้มีบางเรื่องถึงขั้นดุเดือดและรุนแรงหรือที่หลายคนเน้นความมันชนิดโหดเลือดสาด ตรงนี้จะมีระดับเลทตามอายุที่อนุญาตให้ชม หากนั่งดูอยู่ที่บ้านผู้ปกครองควรให้คำแนะนำและเตือนเด็กๆ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่รุนแรงห้ามทำการลอกเลียนแบบเป็นอันขาด ภาพยนตร์ดราม่า (Drama) เนื้อเรื่องของภาพยนตร์แนวนี้จะมุงเน้นถึงความเป็นจริงของชีวิต เหตุและปัญหาต่างๆที่เป็นปมและประเด็นก็มักจะเกิดขึ้นจริงๆในสังคม พูดง่ายๆว่าเป็นการถ่ายทอดชีวิตสู่จอภาพยนตร์นั่นเอง อ๊ะๆๆ แอบเห็นนะว่าหลายคนนั่งร้องไห้หน้าจอหนักมาก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นแนวชีวิตดังนั้นต้องเป็นชีวิตที่ผู้คนดูแล้วต้องเกิดความรู้สึกบางอย่างและเปอร์เซ็นของความรู้สึกก็เป็นไปในทางเศร้าใจซะมาก เพราะเนื้อเรื่องของภาพยนตร์แนวนี้จะเน้นไปที่ความเศร้าที่ต้องการเล่าเรื่องเพื่อให้ผู้ชมนั้นเกิดความประทับใจและตระหนักถึงความเป็นจริง แต่น้ำตายังไม่ทันแห้งเหือดก็อาจจะพบกับความเศร้าอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเศร้าขนาดหนักแบบไม่มีความสุขเลยนะจ๊ะ แต่ตัวภาพยนตร์จะทำให้เราเศร้าปนความประทับใจและเศร้าในอีกหลากหลายอารมณ์ต่างหากละ และแนวต่อไปก็คือ ภาพยนตร์สารคดี (Documentary) เป็นการเจาะลึกลงไปถึงความเป็นจริงของเนื้อหาทั้งหมด แต่จะต่างกับดราม่าตรงที่ดราม่านั้นสามารถเป็นทั้งเรื่องที่แต่งขึ้นมาแต่อิงความเป็นจริงและเป็นเรื่องจริงทั้งหมดแต่ก็อาจจะมีบางส่วนที่แต่งเสริมเข้าไปเพื่อให้เนื้อเรื่องมีอรรถรสในการชมได้ แต่ภาพยนตร์สารคดี เน้นข้อมูลเป็นความจริงทั้งหมด เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปก็จะเป็นไปแบบธรรมชาติ ผู้ชมสามารถเข้าใจได้โดยง่ายอาจจะเป็นเรื่องของชีวิตใครคนใดคนหนึ่งหรือสัตว์โลก หรืออาจจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้บนโลกใบนี้
ชีวิตยังคงต้องมีเรื่องสุข เศร้าและสนุกต่อไปกับ ภาพยนตร์แนวโรแมนติก (Romantic) เนื้อเรื่องที่มุ่งประเด็นไปที่ความรักแม้ว่าในเรื่องตัวละครจะดำเนินไปเป็นแบบไหน ความรักก็จะเป็นประเด็นหลักของเรื่อง บางเรื่องก็เน้นความสนุกสนานและมีมุกตลกนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเรื่องกับความรักของตัวละคร แต่ก็มีแนวโรแมนติกแบบทำให้เราเสียน้ำตาได้ตลอดอีกด้วย และบางเรื่องก็เป็นแบบปนๆกันไปซะเลย เรียกได้ว่าอารมณ์ครบทุกครันจริงๆ หลังผ่านเรื่องรักๆกันแล้วก็จะพาหลายๆคนไปโบยบินกับภาพยนตร์แนวแฟนตาซี (Fantasy) เนื้อเรื่องก็เป็นทั้งที่หนักสมองและเบาสมอง เป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติสามารถใช้พลังลึกลับหรือเวทมนตร์ได้และตัวละครสามารถสร้างจิตนาการได้ไม่รู้จบแล้วแต่คาแรคเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ซึ่งมักจะพาผู้ชมเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวได้ไม่ยากเลย
หลากหลายแนวที่ได้กล่าวมานั้นเรียกได้ว่าได้อารมณ์ครบแทบทุกอารมณ์เลยทีเดียว คอภาพยนตร์หรือผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังก็ไม่ควรพลาดกับการทำความเข้าใจกับประเภทของหนังที่รับชมด้วยเพื่อความสนุกในการรับชม และแม้ว่าภาพยนตร์จะให้ความบันเทิงแต่ภาพยนตร์ก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่สอนแทรกความรู้และข้อคิดต่างๆไว้มากมายให้ผู้ชมได้เรียนรู้นอกเหนือจากความสนุกกันอีกด้วย